Thursday, 13 August 2015

Happy Family Trip in Hokkaido

สวัสดีค่ะ วันแม่แห่งชาติเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวานนี้ เราก็เลยถือโอกาสเขียนอะไรเกี่ยวกับครอบครัวซะหน่อยละกันเนอะ ซัมเมอร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาครอบครัว คุณแม่ คุณนายใหญ่ (คุณยาย) และน้องๆ ไปเที่ยวกันที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นกัน เราเชื่อว่าการทำให้คนที่เรารักมีความสุขเล็กๆน้อยๆ เป็นเรื่องที่ไม่น่าอายค่ะ  คุณๆว่าจริงมั้ยคะ





ทริปฮอกไกโดคราวนี้ เน้นสบาย กินอิ่มและอร่อย ขับรถชิล วนๆตามแผนที่ข้างบนเลยค่ะ หยุดบ้าง พักชมวิวข้างทางบ้าง ตามความถนัดและความชื่นชอบของสมาชิกในทริปค่ะ คราวนี้จะไม่มีการทำเชคลิสท์ หรือวิ่งขึ้นรถไฟนะคะ นับว่าเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับคุณแม่ และคุณนายใหญ่เป็นหลัก ส่วนน้องๆมาเป็นตัวประกอบช่วยกันขับรถ มองป้าย และอ่าน GPS ค่ะ


ทริปนี้นางแบบเยอะหน่อยนะคะ เริ่มต้นจากในสนามบินเลย พอแลนด์ปุ๊ป พวกเราก็เดินหาโดเรมอนก่อนเป็นอันดับแรก เดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึงฮอกไกโด จากนั้นทำการไปรับรถเช่าที่จองไว้ให้เรียบร้อย พร้อมออกเดินทางค่ะ 



ประมาณหนึ่งชั่วโมงจากสนามบินก็ถึงเมืองซัปโปโรแล้วค่ะ ทานอาหารกลางวันในตลาดที่ซัปโปโรแล้วก็มาเดินเล่นชมบรรยากาศหน้าร้อนต่อที่สวนโอโดริค่ะ ทริปคราวนี้เป็นทริปชมสวนดอกไม้ของคุณนายใหญ่เค้า เราเลยจัดให้เต็มๆเลยค่ะ อากาศหน้าร้อนที่ฮอกไกโดดีมาก ดีจนลืมว่าที่เมืองไทยร้อนขนาดไหน เห็นสีหน้าคุณนายใหญ่มีความสุขขนาดนี้ เราก็หัวใจพองโตเนอะ 


ส่วนสาวๆ ไปชอปปิ้งกับกินขนมที่ย่านทานุกิโคจิค่ะ เดินกันเพลินจนลืมดูเวลาเลยค่ะ  หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางอีกครั้งไปที่ที่พักค่ะ 


คืนนี้เรานอนเรียวกังที่โนโบริเบสซึ ห่างจากตัวซัปโปโรไปประมาณชั่วโมงกว่าๆค่ะ คุณนายใหญ่เปิดประตูมา ต๊กกะใจ เจอแต่ชุดรับแขก นางถามว่าแล้วคืนนี้จะเอาที่นอนจากไหนมานอน ฮรี่ๆ แต่ที่แน่ๆ คืนนี้จะพาคุณนายใหญ่ กะหม่ามี๊ไปแช่ออนเซ็นค่ะ ไหนไหนที่โนโบริเบสซึเป็นเมืองน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงติดอันดับของฮอกไกโดแล้ว เราก็ต้องลองกันซักหน่อย


พอเก็บของเรียบร้อย เราก็ลงไปทานบุฟเฟต์อาหารค่ำค่ะ ได้ทานขาปูฮอกไกโดสมใจอยาก เสียดายหม่ามี๊แพ้ปู ลูกๆเลยจัดการทานเผื่อเป็นที่เรียบร้อย พอทานอาหารเย็นเสร็จ ก็ไปออนเซ็นค่ะ คุณนายใหญ่ชอบใจใหญ่ ตอนแรกๆนางยืนยันคำเดียวเลยว่าไม่ลงแช่น้ำแน่นอน หลอกล่อนางตั้งนานกว่าจะยอมลง สุดท้ายก็ติดใจ อยากเอาออนเซ็นกลับบ้านด้วยซะงั้น 


ล้อหมุนอีกครั้งมุ่งหน้าฟุราโน ด้วยระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตรค่ะ ขับรถด้วยความเร็วมาตราฐานประเทศญี่ปุ่นที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมๆแล้วก็ใช้เวลาเดินทางประมาณสามชั่วโมงค่ะ วิวข้างทางสวยมาก ผ่านภูเขา ทุ่งหญ้า ลำธาร ทุ่งดอกไม้ มีอุโมงค์มากมาย สั้นบ้างยาวบ้าง แบบอุโมงค์ในรูปนี้ คุณแม่ถ่ายรูปไว้ ความยาวเกือบ 5 กิโลเมตรได้ แถมถนนสวนทางกันอีก คนขับนี่เกร็งแทบแย่ แต่นับว่าคุ้มค่าค่ะ และขอชื่นชม GPS ญี่ปุ่นมาก แม่นยำ 300% เลย มันดีจริงๆ จะไปไหนใส่รหัส Mapcode โลด ไม่หลงแน่นอน ทริปนี้นับว่ารอดมาได้ด้วย GPS จริงๆ 


ช่วงหน้าร้อนที่ฮอกไกโด ขาดไม่ได้ พลาดไม่ได้เด็ดขาด เมลอนค่ะ ระหว่างทางก่อนเข้าเมืองฟุราโนนะคะ มันจะมีถนนสายเมลอนที่ปลูกแต่เมลอน และเค้าก็เอามาวางขายกันข้างทาง ถือว่าเป็นการจอดพักรถ ที่อิ่ม อร่อย สดชื่น ไปพร้อมๆกับ ชมวิวสวนดอกไม้ คุณพระ! มันดีมากจริงๆ หอม หวาน ชื่นใจ หายเหนื่อยเลยทีเดียว 




และในที่สุดเราก็มาถึงไฮไลท์ของทริปพาคุณนายชมดอกไม้ที่ฮอกไกโดแล้วค่ะ สวนดอกไม้ฟาร์มโทมิตะ ผู้คนมากมาย เดินชนกันให้วุ่น แดดร้อนมาก ดอกไม้ก็มากมายพอๆกะคนที่มาดู แถมช่วงที่เรามาเป็นช่วงของดอกลาเวนเดอร์พอดี ก็ตั้งใจมาดูลาเวนเดอร์นี่แหละ กลิ่นลาเวนเดอร์หอมฟุ้งไปทั่วเลยค่ะ 




วิวรอบๆฟาร์มโทมิตะ และเมืองฟุราโน สวยงาม จนลืมหายใจเลยค่ะ ทั้งหม่ามี๊และคุณนายใหญ่ถึงกะปลาบปลื้ม ไม่หยุดยิ้มเลยแหละค่ะ คนพามาแบบเราก็พลอยดีใจเนอะ ทั้งน้องทั้งหม่ามี๊ และคุณนายใหญ่มีความสุขกันทุกคน เพราะทริปนี้ทำเพื่อพวกเค้าจริงๆค่ะ ลำพังเราคนเดียวไปที่ไหน นอนที่ไหน กินมาม่าก็ยังได้ แต่พอเรามากะครอบครัว เราก็อยากให้พวกเค้าสะดวกสบายที่สุด มีความสุขที่สุด 


ถ่ายรูปกลางแดดไปได้ประมาณคนละสามพันกว่ารูป แวะหลบร้อนชิมลาเวนเดอร์ซอฟท์ครีมซะหน่อย ถ้าจะถามว่าอร่อยมั้ย รสชาติมันก็ซอฟท์ครีมปกติ แค่มันมีกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ทำให้เรานึกถึงสเปรย์ปรับอากาศแค่นั้นเอง แต่ที่ดีกว่าคือลาเวนเดอร์โซดาค่ะ ดื่มแล้วสดชื่นทันตาเห็นเลย 



จากฟุราโน เราขับรถต่อขึ้นเหนือไปเมืองโอตารุอีกประมาณ 150 กิโลเมตรค่ะ โอตารุเป็นเมืองท่าริมทะเลตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ คลองโอตารุเมื่อก่อนก็เป็นเส้นทางเชื่อมต่อจากทะเล มายังโรงเก็บสินค้าริมคลองค่ะ ส่วนตอนนี้คลองโอตารุกลายเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีชื่อเสียงติดอันดับอีกที่ของเกาะฮอกไกโดเลยค่ะ 

 


ทางเดินริมคลองโอตารุหน้าร้อนก็จะมีผู้คนมากมาย ศิลปินแบบในรูป แผงขายของน่ารักๆ เดินเล่น ริมคลองสบายๆ สไตล์ชีวิตดีดีวันหยุดค่ะ นางแบบของเราก็รู้งาน โพสท่ายิ้มสู้แดดกันไม่หยุดเลยค่ะ ก็บรรยากาศมันสวย น่าประทับใจจริงๆนะคะ ฮอกไกโดหน้าร้อน ใครไม่ได้มา น่าเสียดายนะคะ




ที่ขาดไม่ได้อีกแล้วคือถนนชอปปิ้งอันเลื่องชื่อ ถ้าไม่มาที่นี่ ต้องมาโอตารุซ้ำอีกรอบแน่ๆ ถนนซาไกมาชินั่นเองค่ะ โอ๊ยยยคุณคะ ทุกย่างก้าวที่เดินออกไปคือร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านขนมและของฝากทุกสิ่งอย่าง เพลินมาก คุณน้องสาวนี่เพลินสุดๆ ตู้กดน้ำนี่มีทุก 50 เมตร นางทั้งสองก็เดินกดเกือบครบทุกตู้ ขนมนี่ทุกอย่าง ร้านของฝากเล็กๆน้อยๆ แข่งกันแต่งร้านให้มันน่ารักน่าชัง น่าเสียตังไปหมดทุกที่เลยค่ะ


คืนสุดท้ายก่อนกลับบ้าน เรามาพักกันที่ซัปโปโรอีกครั้งค่ะ พาคุณนายและหม่ามี๊มาชมแสงสีย่านซูซูกิโน สีสันของซัปโปโรคืนวันศุกร์น่าประทับใจต่างจากที่ไหนๆในฮอกไกโดค่ะ ชีวิตของผู้คนเมืองวุ่นวาย สับสน แต่ก็น่าค้นหา แม้จะมีสีสันจะมากมายแค่ไหน แต่ก็อย่าลืมสีเรียบๆของความรักจากคนที่บ้านกันนะคะ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ที่บ้านกับทุกๆคนทุกวัน แต่ลูกคนนี้ก็สัญญาว่าจะไม่หลงไปกับแสงสีที่ไหน ยังไงที่บ้านก็ยังเป็นที่ที่น่าอยู่ที่สุด และจะทำให้ผู้มีพระคุณทั้งสองและน้องๆที่รักมีความสุขในทุกวันนะคะ 





Thursday, 23 July 2015

จิบกาแฟสุดชิค ที่ Two Beds & Coffee Machine หัวหิน

สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยู่ที่หัวหินไม่ได้ไปไหนไกลนะคะ พอดีได้มีโอกาสกลับมาอยู่บ้านหลายวันหน่อย เลยไปเจอร้านกาแฟน่ารัก น่านั่ง ที่หัวหิน ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ เผื่อวันหยุดยาวที่จะถึง หรือเสาร์อาทิตย์ไหนก็ได้ คุณคุณได้มีโอกาสผ่านไปหัวหิน จะได้มีที่ใหม่ๆให้แวะไปลองชม ลองชิม ลองนั่งเล่นกันบ้านนะคะ 






ร้านกาแฟ Two Beds & Coffee Machine ค่ะ เพิ่งเปิดมาไม่นานนี้เอง   จุดเด่นของร้านของร้านก็คือการตกแต่งร้านด้วยธีมเมืองผู้ดีกรุงลอนดอนนั่นแหละค่ะ แถมเจ้าของร้านยังพิถีพิถันแต่งร้านให้มีมุมน่ารักๆ น่านั่งมากมายเลยค่ะ 





ส่วนตัวเราเองชอบและอินมากๆเลย แค่มาคุยเล่นๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูปเพลินก็ดีจริงๆค่ะ หรือถ้าหิวก็มีเมนูอาหารทานง่ายๆ แต่อร่อยมากให้เลือกกันด้วยนะคะ




ส่วนเมนูแนะนำ ที่มาถึงแล้วพลาดไม่ได้เลยนะคะ ก็คือ Kyoto Matcha Latte ค่ะ ชาเขียวเข้มข้น สั่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น สด ใหม่ หอม อร่อย ผสมกับนมสดคุณภาพดี รับรองใครชิมแล้วก็ต้องติดใจกันทุกคนค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีกาแฟระดับพรีเมี่ยม แต่ราคาน่าคบหา ที่ชงด้วยความพิถีพิถัน แต่งด้วยลาเต้อาร์ทหวานๆ จากมือคุณเก้าเจ้าของร้านเองทุกแก้ว ต่อด้วยเมนู Blue Soda สีฟ้่าซาบซ่า เหมาะสำหรับที่จะดื่มดับร้อน ตอนบ่ายๆ ริมทะเลเลยแหละค่ะ 




ถ้าคุณหลงรักกรุงลอนดอน ชื่นชอบกาแฟ อินกับชาเขียวแท้จากญี่ปุ่น หลงเสน่ห์หัวหิน บ่ายวันหยุดถ้าไม่มีอะไรทำ ผ่านมาที่หัวหิน ร้าน Two Beds & Coffee Machine เป็นอีกหนึ่งที่ ที่น่าลองแวะมานั่งชิมกาแฟ ทักทาย พูดคุย เชคอินได้นะคะ เจ้าของร้านเค้าน่ารักใจดี รอชงกาแฟให้ลูกค้าเองทุกวัน แถมใจปล้ำถ้าไปกดไลค์แฟนเพจของร้านที่ https://www.facebook.com/TBCMHuahin  คุณเก้ายังมีส่วนลดพิเศษให้อีก เรามากี่ทีก็ชอบมากขึ้นทุกทีค่ะ การเดินทางก็สะดวกสบาย  ร้านหาไม่ยากค่ะอยู่ริมถนนเพชรเกษมทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ระหว่างซอยหัวหิน 18 กับซอยหัวหิน 16 ที่จอดรถสบาย แถมไม่ต้องไปฝ่าฟันรถติดในตลาดหัวหินด้วยนะ




Tuesday, 21 July 2015

พักร้อนริมทะเลที่ Split - Hvar

สวัสดีค่ะ เรายังอยู่ที่ประเทศโครเอเชียกันนะคะ จากเมืองซาเกรปคราวที่แล้ว วันนี้เราจะขับรถเลียบทะเลลงใต้มาเรื่อยๆค่ะ จนถึงเมือง Split เมืองชายทะเลชื่อดังติดอันดับโลกเลยค่ะ ระยะทางจากซาเกรปถึง สปลิทก็ประมาณ 400 กิโลเมตรแค่นั้นเองค่ะ ขับรถชิลๆ ดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ งานถนัดเลยเนอะ ทางดี ถนนดี วิวสวย ขับรถเพลินค่ะ หรือถ้าใครไม่อยากขับรถ ลองนั่งรถบัสประจำทางจากซาเกรปถึงสปลิทก็สะดวกดีนะคะ ขับลงใต้มาเรื่อยๆตามกูเกิ้ลแมพข้างล่างเลยค่ะ






แป๊ปปปเดียวก็เห็นสปลิทอยู่ลิปๆแล้วค่ะ มาพูดถึงเมืองนี้กันนิดนึงเนอะ สปลิทเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศโครเอเชียค่ะ อยู่ติดริมทะเลเอเดรียติก เมืองสปลิทนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียง เป็นเมืองท่าตั้งแต่สมัยโรมัน ประกอบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ติดอันดับโลกมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ไม่ใช่แค่เมืองสปลิทนะคะ ใกล้ๆกันก็มีเกาะน้อยใหญ่มากมายตามลักษณะภูมิประเทศของโครเอเชีย เกาะต่างๆพวกนี้ก็ดังไม่แพ้เมืองสปลิทเลยค่ะ  วันนี้เราเลยขออนูญาตไม่พร่ำอะไรมากนะคะ ลงรูปรัวๆแล้วกันเนอะ จะได้เห็นกันไปเลยว่าเมืองนี้มันสวยน่าประทับใจแค่ไหนค่ะ






ภูมิประเทศของเมืองสปลิทเป็นเมืองอยู่ริมทะเลเลยค่ะ มีทางเดินเลียบทะเลเอเดียติกเป็นแนวยาว ดอกไม้ออกดอกบานสะพรั่งต้อนรับพระอาทิตย์หน้าร้อน แต่ทะเลตรงเมืองเก่าสปลิทไม่มีชายหาดให้เล่นน้ำหรอกนะคะ เป็นที่จอดเรือยอร์ชและเรือเดินสมุทรลำใหญ่ๆทั้งนั้นค่ะ แม้จะเป็นท่าเรือน้ำลึก น้ำเค้าก็ใสน่าดูนะ








แต่ถ้าอยากลงเล่นทะเล หรืออาบแดด ต้องเดินออกไปนอกตัวเมือง ซักประมาณ 5 นาที ก็จะเจอทางลงทะเลแล้วค่ะ แต่จริงๆแล้วทางลงทะเลในสปลิทก็มีกระจายๆอยู่ทั่วไปนะคะใกล้บ้าง ไกลบ้าง เลือกได้ตามใจเลย ไม่ว่าจะเป็นชายหาดธรรมดา ชายหาดสำหรับครอบครัว ชายหาดส่วนตัว หรือแบบหาดริมหน้าผา แม้แต่หาดนู้ดก็มีนะคะ เวลาเราเดินเล่นในเมืองก็เห็นคนใส่บิกินี่กะกางเกงยีนส์ขาสั้น หรือเดรสน่ารักๆ รองเท้าแตะ หมวกปีกกว้าง และก็มีผ้าเช็ดตัวพาดคอกันอยู่เกือบทุกคน พร้อมลงทะเลเล่นน้ำ อาบแดดกันอยู่ตลอดเวลา ได้บรรยากาศเมืองพักร้อนจริงๆค่ะ






ส่วนในตัวเมืองเก่าสปลิทก็เดินเพลินนะคะ ตึกรามบ้านช่องที่นี่ก็ตั้งแต่ยุคโรมัน เป็นหินปูนแบบโบราณ สีขาวๆ มีร้านค้า ร้านของฝาก และก็มีร้านอาหารอร่อยๆเพียบเลยค่ะ






ส่วนอาหารเมนูหลักๆประจำเมืองแถบนี้ก็จะเป็นอาหารทะเลค่ะ มีครบทุกอย่างเหมือนบ้านเราเลย ทั้งกุ้ง ปู ปลา กั้ง หอย แต่ก็ปรุงแบบตะวันตกนะคะ บีบเลมอน ทานคู่กะขนมปัง เราเลยแอบคิดถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่ปๆ ที่บ้านเหมือนกันค่ะ








อย่างที่เล่าให้ฟังไปตอนแรกนะคะ ไม่ใช่แค่เมืองสปลิทที่มีชื่อเสียง เกาะเล็กเกาะน้อยรอบๆสปลิทก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น เกาะบรัค (Brac), เกาะฮวาร์ (Hvar), เกาะวิส (Vis) ซึ่งการเดินทางไปเกาะพวกนี้ก็ไม่ได้ยากเย็นเลยค่ะ มีบริการเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่มากกกก ข้ามไปเที่ยวเกาะเหล่านี้ทุกวันค่ะ คนกระเป๋าหนักหน่อยจะลงทุนเช่าเรือยอร์ช วนรอบๆทะเลเอเดรียติกแล้วลงไปเดินเที่ยว อาบแดดบนเกาะพวกนี้ก็ได้นะคะ จะไปแบบเดย์ทริปไปเช้าเย็นกลับสำหรับเกาะใกล้ๆก็ได้ หรือถ้าจะไปค้างคืนก็ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ มีโรงแรม บ้านพัก วิลล่าให้เลือกกันจนตาแฉะเลยหล่ะ




ส่วนเราคราวนี้เลือกลงเรือเฟอร์รี่ของบริษัท Jadrolinija ข้ามไปค้างคืนที่ฮวาร์ค่ะ ไปลงที่ Stari Grad เหมือนท่าเรือหลักของเกาะค่ะ แล้วนั่งรถบัสต่อไปลงที่ Old Town Hvar ตัวเมืองเก่าตรงนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มากค่ะ เดินซักชั่วโมงกว่าๆก็เที่ยวจนทั่วละ ถ้าไปถูกจังหวะจะมีทุ่งดอกลาเวนเดอร์บนภูเขาให้เดินเที่ยวกันด้วยนะคะ

เค้าว่ากันว่าฮวาร์เนี่ยเป็นริเวียร่า หรือ St. Tropez ยุคใหม่เลยนะคะ เป็นสถานที่ตากอากาศของคนมีอันจะกินยุคนี้ เราก็เลยเห็นเรือยอร์ชลำใหญ่ลำเล็กจอดทอดสมอกันเต็มท่าเรือ เวลาที่เราไปเที่ยวก็เป็นช่วงกลางซัมเมอร์พอดี เป็นช่วงที่สวยที่สุด ราคาโรงแรมก็เลยแสนแพง ผู้คนมากมาย ร้านอาหารชาร์จราคากันเต็มพิกัด คนต่อคิวกันยาวเหยียด แย่งกันอยู่แย่งกันกินจริงๆค่ะ 






แต่ถ้าพูดถึงทะเลที่นี่ ของเค้าสวยสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ อย่างที่บอกไปมีทะเลให้เลือกลงมากมาย ชอบตรงไหนกระโดดลงน้ำไปเลยค่ะ ฟ้าเป็นสีฟ้าใส น้ำทะเลนี่ใสเห็นพื้น ว่ายน้ำไปก็มีฝูงปลาเล็กๆมาว่ายเป็นเพื่อนเพียบเลยค่ะ แต่เสียอย่างเดียวค่ะ พื้นที่นี่ไม่ได้เป็นทรายนะคะ ชายหาดก็ไม่ได้เป็นหาดทรายค่ะ จะเป็นหินกรวดก้อนเล็กๆ เดินแล้วเจ็บเท้านิดนึง แต่ก็ไม่เลอะเทอะดีค่ะ เราชอบนะ 




พอมีเวลาเยอะหน่อย เดินเที่ยวในตัวเมืองเก่าจนเบื่อ เราก็เลยตัดสินใจเช่ามอร์เตอร์ไซด์ขี่วนขึ้นเขาลงเขาดูวิวรอบๆเกาะค่ะ สวยทั้งเกาะจริงๆ เรายังคิดไว้เลยถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้มาเที่ยวอีก เราจะมานอนหาดอื่นบ้าง เงียบกว่าตัวเมืองฮวาร์ แต่ตัวทะเลสวยไม่แพ้ตัวเมืองเก่าฮวาร์เลยค่ะ เล่ามาให้ฟังเยอะละ ดูรูปชมวิวไปด้วยกันเรื่อยๆนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆรู้ว่าประเทศนี้สวยงามเกินบรรยายจริงๆค่ะ ถ้ามีโอกาสลองแวะมาเที่ยวกันนะคะ