Wednesday, 16 May 2012

เดินเล่นเพลินๆที่ Luzern

ทุกๆเมืองในสวิสก็จะมีที่ท่องเที่ยวอยู่เหมือนๆกันค่ะ คือไปเดินเล่นในโอลด์ทาวน์ ไปดูแม่น้ำ-ทะเลสาบ ภูเขา โบสถ์ หอนาฬิกา และก็ตึกรามบ้านช่องของเมืองนั้นๆ แม้ทุกเมืองจะมีโอลด์ทาวน์เหมือนกันไปหมดทุกเมือง แต่โอลด์ทาวน์ในแต่ละเมืองก็มีสเน่ห์แตกต่างกันไปนะคะ วันนี้เราจะไปเดินเล่นกันในเมืองลูเซิร์นโอลด์ทาวน์ค่ะ เดินกันให้ทั่วเดินให้รอบว่าทำไมใครต่อใครก็หลงรักลูเซิร์นค่ะ

ภาพบรรยากาศริมทะเลสาบลูเซิร์น มากี่ครั้งก็สวยงามประทับใจทุกครั้งเลยค่ะ

เดินออกมาจากสถานีรถไฟ อย่างแรกที่เราต้องเห็นเลยก็คือทะเลสาบและก็ประตูโค้งๆหน้าสถานีรถไฟนี่แหละค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมีความเป็นมาว่ายังไงบ้าง เดินต่อไปอีกนิดก็จะเป็นสะพานไม้"Chapel Bridge" อันลือเลื่องค่ะ ชาเปิลบริจด์คือสะพานไม้ที่เก่าแก่อันนึงของยุโรปเลยนะคะ แม้ว่ามันจะเคยถูกไฟไหม้ใหญ่มาแล้วครั้งนึง สะพานเก่าถูกทำลายไปเกือบหมดแต่ชาวเมืองที่นี่ก็บูรณะซ่อมแซมให้กลับมาสวนเหมือนเดิมค่ะ ที่อยู่ติดกันกับสะพานชาเปิลก็จะเป็น Water Tower ค่ะ เป็นหอคอยกลางน้ำที่สมัยก่อนเค้าเอาไว้ทรมารนักโทษค่ะ แต่ตอนนี้กลายเป็นแกลลอรี่แสดงงานศิลปะไปซะแระ



ด้านหน้าสถานีรถไฟลูเซิร์น



ความพิเศษของสะพานนี้นอกจากจะเป็นสะพานไม่ที่เก่าแก่ของยุโรปแล้ว มันยังโค้งๆ ไม่ได้ตรงเหมือนสะพานทั่วไปด้วย
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเค้าต้องสร้างสะพานให้มันโค้งไปมา ทำไมไม่สร้างให้มันตรงๆไปเลย



ชาเปิลบริดจ์ กะ วอเตอร์ทาวเวอร์ แลนมาร์คของเมืองลูเซิร์นค่ะ

ใกล้ๆกับสะพานชาเปิล ก็จะมีโบสถ์หินอ่อนคาทอลิค สไตล์บารอคตั้งอยู่ริมแม่น้ำรอยส์ค่ะ แม้คนสวิสเซอร์แลนด์ส่วนใหญ่จะนับถือนิกายโปแตสแตนท์ แต่โบสถ์นี้ก็เป็นหนึ่งในโบสถ์คาทอลิคในสวิสที่สวยงามมากๆค่ะ เค้าว่ากันว่าข้างในสวยมากเป็นงานเพ้นท์สีชมพูทั้งโบสถ์เพราะสมัยที่สร้างนั้นเป็นช่วงสงครามค่ะ ชาวเมืองลูเซิร์นก็เลยรวมใจกันสร้างโบสถ์นี้ให้มีสีอ่อนหวานเพื่อทำให้คนที่นี่รู้สึกดีและผ่อนคลายจากสงครามค่ะ (แต่วันนี้ไม่มีรูปมาให้ดูนะคะ เพราะมาลูเซิร์นที่ไรโบสถ์นี้ต้องปิดทำพิธีทุกครั้งเลย เราเลยยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปดูซักกะที)


เดินต่อไปเรื่อยๆริมทะเลสาบเราก็จะเจอโบสถ์ St. Leodegar อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของลูเซิร์นค่ะ โบสถ์นี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเลยทำให้เรามองเห็นได้แต่ไกลค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่นั่งเรือออกไปกลางทะเลสาบ อย่างแรกที่จะเห็นเวลามองกลับมาที่เมืองลูเซิร์นก็จะต้องเป็นโบสถ์นี้แหละ ว่ามั้ยคะเวลาดูไกลๆโบสถ์นี้ดูสวยเหมือนปราสาทเจ้าหญิงในนิทานเลยเนอะ




ความสวยของโบสถ์นี้อยู่ทียอดปลายแหลมทั้งสองอันค่ะ


ที่ต่อไปค่ะ มาลูเซิร์นแล้วไม่ได้ไปดูสิงโตร้องไห้ เดี๋ยวเค้าว่ามาไม่ถึงนะคะ สิงโตตัวนี้เป็นสิงโตแกะสลักมือจากหินที่เป็นหน้าผาจริงๆค่ะ แล้วสิงโตตัวนี้ไม่ได้กะลังร้องไห้หรอกนะคะ แต่มันกำลังจะหมดลมหายใจเพราะว่าบาดเจ็บจากสงครามฝรั่งเศสค่ะ เค้าเลยให้สิงโตตัวนี้เป็นสัญสักษณ์ของความกล้าหาญและอดทนของคนสวิสค่ะ


ส่วนด้านหน้าสิงโตก็จะมีบ่อน้ำเล็กๆค่ะ นักท่องเที่ยวก็จะเชื่อกันว่าถ้าหันหลัง หลับตา กลั้นหาย
อธิษฐานแล้วโยนเหรียญ คำอธิษฐานนั้นก็จะเป็นจริงค่ะ
ใครมีโอกาสมาที่นี่อย่าลืมมาลองกันนะคะว่าจะเป็นอย่างนั้นจิงๆรึป่าว

จากอนุสรณ์สิงโตร้องไห้ เดินผ่านโอลด์ทาวน์ย่านที่เป็นร้านค้า ค้านขนม และที่สำคัญคือร้านชอคโกแลต (ขอย้ำว่าเดินผ่านนะคะ แม้ร้านพวกนั้นจะน่าสนใจแค่ไหน เราจะเดินผ่านมันไปก่อนค่ะ) เราก็จะเจอกับทางขึ้นกำแพงเมืองลูเซิร์นค่ะ คราวนี้ต้องออกแรงปีนบันไดไปชมวิวบนกำแพงกันซักหน่อยค่ะ บันไดขึ้นกำแพงก็จะเป็นบันไดไม้แคบและชันค่ะ แต่ที่นี่ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความมีน้ำใจและความน่ารักของคนที่นี่ค่ะ เพราะตลอดการเดินขึ้นไปข้างบนก็จะมีคนคอยเตือนตลอดให้ระวังว่าเพดานมันเตี้ย คนหยุดให้เราเดินขึ้นไปก่อน รอยยิ้มของคนที่กะลังขึ้นไปชมวิวข้างบนพร้อมเรา ทำให้หายเหนื่อยได้เหมือนกันค่ะ


หอบแฮ่กค่ะ กว่าจะปีขึ้นมาถึงข้างบนนี้ ถึงกะต้องถอดเสื้อแจ็คเก็ตกันเลยทีเดียว
แต่พอเห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อยขึ้นมาทันที สวยจริงจังค่ะ


ข้างบนกำแพงเมืองก็จะมีนาฬิกาคล้ายๆกะเป็นหอนาฬิกาเล็กๆ พอเราปีนขึ้นไปก็จะเห็นระบบการทำงานของนาฬิกาค่ะ



ด้านหลังกำแพง แต่จริงๆแล้วคือด้านหน้ากำแพงเพราะศัตรูมักจมาจากฝั่งนี้ไม่ใช่จากฝั่งทะเลสาบค่ะ
แอบมีทุ่งดอกไม้เล็กๆด้วยสวยจังเลย

เดินลัดเลาะขึ้นๆลงๆกำแพงเมืองกะหอนาฬิกาอยู่เป็นชั่วโมง ในที่สุดเราก็เดินลงมาข้างล่างอีกฝั่งนึงของเมืองค่ะ เดินไปซักพักก็เจอกับสะพานไม้อีกหนึ่งอันค่ะ สะพานนี้มีชื่อว่า Spreuerbrücke  สะพานนี้เก่่ากว่าชาเปลบริดจ์นะคะแต่คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ดูจากภาพนอกหน้าตาก็คล้ายๆกัน ทำจากไม้เหมือนกันและคดไปคดมาเหมือนกันค่ะ แต่สะพานนี้มันสำคัญตรงที่เป็นสะพานที่ติดตั้งระบบดูแลและจัดการน้ำของเมืองลูเซิร์นไม่ให้น้ำในทะเลสาบมาท่วมเมืองค่ะ


สะพาน Spreuerbrücke ที่เค้าบอกกันว่าเก่าแก่ที่สุดค่ะ 



ยืนอยูกลางสะพานมานั่งดูประตูระบายน้ำของลูเซิร์น
แล้วก็อดคิดถึงตอนที่บ้านเราน้ำท่วมไม่ได้ ช่วงนั้นนี่เฝ้าประตูระบายน้ำอย่างกะเป็นกรมชลประทานซะเอง

เดินกันเหนื่อยแล้วเนอะ คราวนี้ลงเรือไปรับลมหนาวๆกลางทะเลสาบลูเซิร์นกันบ้าง เรือที่เราขึ้นวันนี้ไม่ใช่เรือท่องเที่ยวนะคะเป็นเรือโดยสารธรรมดาที่คนที่บ้านอยู่ริมทะเลสาบเค้าใช้เดินทางกันนี่แหละค่ะ แต่เราถือโอกาสนั่งเรืออันนี้แหละชมวิวรอบๆทะเลสาบ ใช้เวลาไป-กลับก็สองชั่วโมงเศษค่ะ แต่ถ้าใครที่มาแล้วอยากนั่งเรือท่องเที่ยวก็มีมากมายอยู่ริมทะเลสาบค่ะ ในเรือก็จะมีไกด์คอยอธิบายประวัติความเป็นของสถานที่ต่างๆริมทะเลสาบตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงบนเรือท่องเที่ยวค่ะ

ในระหว่างนั่งรอเรืออยู่ เราก็เห็นน้องหงส์แถวนั้นเดินเฉิดฉายอยู่ริมทะเลสาบ เราเลยแอบถ่ายรูปมาฝากกันซักหน่อยค่ะ


นั่งเรือมุ่งหน้าไปที่ไหนซักแห่งในทะเลสาบค่ะ
ด้านซ้ายเป็นโบสถ์ปราสาทเจ้าหญิง ตรงกลางมีน้องหงส์ว่ายน้ำเล่นอยู่สบายใจ
ส่วนทางขวาเป็นสำนักงานของเมืองลูเซิร์นค่ะ

ออกมากลางทะเสสาบได้ซักพักก็จะเห็นน้ำกะภูเขาแอลป์แบบนี้ค่ะ
เป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของลูเซิร์นมากๆค่ะ แต่ถ้าถามว่าภูเขาพวกนั้นชื่ออะไรบ้าง
คงต้องเพิ่งแอพ Peak Finder แล้วค่ะถึงจะบอกครบหมดทุกยอด

วันอากาศดีดี นั่งเรือเล่น ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ ซึมซับบรรยากาศรอบตัว
ความสุขง่ายๆในราคา 24 ฟรังก์ที่ลูเซิร์นค่ะ


เรียบร้อยครบสูตรเที่ยวลูเซิร์นแล้วค่ะ เดินเล่นโอลด์ทาวน์ นั่งเรือชมทะเลสาบ และก็ขึ้นภูเขาชมลูเซิร์นจากมุมสูง แต่เหมือนขาดร้านชอคโกแลตไปเนอะ สัญญานะคะว่าเด๊่ยวจะมาเล่าให้ฟัง แต่เราขอเอาไปรวมทีเดียวกับร้านชอคโกแลตสวิสเลยแล้วกันนะคะ  












1 comment:

  1. รูปตัวเอง น่ารัก ดันโพสซะเล็กเลย

    ReplyDelete